วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2562

 คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะ ว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอนนั้น นอกจากจะช่วยให้เจ้าตัวน้อยเพลิดเพลินในโลกแห่งนิทานสนุก ๆ แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างทักษะทางด้านการฟัง การอ่าน การใช้ความคิดและจินตนาการ ยิ่งหากคุณพ่อคุณแม่ได้เล่านิทานที่มีคติสอนใจสอดแทรกไปด้วย ก็จะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกดี ๆ ให้แก่ลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดกำลังหานิทานก่อนนอนสนุก ๆ สำหรับเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอนอยู่ละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีนิทานอีสปเรื่อง "อึ่งอ่างกับวัว" มาฝากคุณพ่อคุณแม่และคุณหนู ๆ ทุกคนกันแล้ว นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานน่าติดตาม ยังปิดท้ายด้วยข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตอีกด้วย ว่าแล้วก็รีบไปอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังกันเลยดีกว่าค่ะ ^^

นิทานอีสป
          ณ ทุ่งนาแห่งหนึ่ง มีครอบครัวของอึ่งอ่างอาศัยอยู่ในหนองน้ำ วันใดที่ฝนตกพวกลูกอึ่งอ่างก็มักออกมาเล่นน้ำฝนกันอย่างสนุกสนาน ลูกอึ่งอ่างตัวหนึ่ง พูดกับแม่ของมันว่า "แม่จ๋า ๆ พวกหนูขอออกไปว่ายน้ำเล่นแถว ๆ นี้นะจ๊ะ"

          "ได้สิจ๊ะลูก แล้วอย่าไปนานนักล่ะ แม่เป็นห่วง" แม่อึ่งอ่างตอบลูกน้อย จากนั้นพวกลูกอึ่งอ่างก็ได้ออกไปว่ายน้ำเล่นกัน จนกระทั่งพวกมันไปเจอกับวัวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง กำลังเดินมาที่หนองน้ำที่พวกอึ่งอ่างเล่นน้ำอยู่ เจ้าวัวไม่ทันสังเกตว่ามีลูกอึ่งอ่างเล็ก ๆ อยู่แถวนั้น ทำให้มันเผลอเหยียบลูกอึ่งอ่างตายไปหลายตัว

นิทานอีสป
          เจ้าลูกอึ่งอ่างที่รอดชีวิตเห็นอย่างนั้น ก็พากันตกใจและรีบวิ่งกลับไปบอกแม่ของมันว่า "แม่จ๋า ๆ เมื่อตะกี้มีตัวอะไรก็ไม่รู้มาเหยียบพี่ ๆ น้อง ๆ ของเรา ตัวมันใหญ่มาก ๆ ๆ เลยแม่"

          แม่อึ่งอ่างตกใจ เลยรีบถามกลับไปว่า "ตัวอะไร แล้วตัวมันใหญ่มากขนาดไหน แม่อยากรู้"

          "ตัวมันใหญ่มากกก ๆ ๆ เลยแม่" ลูกอึ่งอ่างตอบ

          แม่อึ่งอ่างนึกไม่ออกว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ที่มาเหยียบลูก ๆ ของมันคือตัวอะไร จึงพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพองตัวโตเพื่อให้ลูกดูว่าตัวมันใหญ่ขนาดไหน

นิทานอีสป
          "ตัวมันใหญ่ประมาณนี้ไหมลูก" แม่อึ่งอ่างถาม

          "มันตัวใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่าเลยจ้ะแม่" ลูกอึ่งอ่างตอบไปตามที่เห็น

          แม่อึ่งอ่างได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกหงุดหงิดและโมโหที่ไม่สามารถพองตัวให้ใหญ่เท่ากับสัตว์ตัวนั้นได้ มันจึงพยายามรวบรวมกำลังพองตัวให้ใหญ่ขึ้นอีก และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนลูก ๆ พากันเตือนให้เลิกพองตัวว่า "พอแล้ว ๆ แม่จ๋า ไม่ต้องทำแล้ว"

นิทานอีสป
          แต่แม่อึ่งอ่างไม่ฟัง มันพยายามพองตัวให้โตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอยากรู้ว่าเจ้าสัตว์ตัวนั้นจะใหญ่โตขนาดไหน จนสุดท้าย แม่อึ่งอ่างพองตัวเต็มที่จนตัวระเบิดและตายลงต่อหน้าลูกอึ่งอ่าง ทำให้ครอบครัวอึ่งอ่างรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ที่แม่อึ่งอ่างต้องมาตายเพราะทำในสิ่งที่เกินกำลังและความสามารถของตัวเอง

นิทานอีสป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :

          อย่าทำอะไรที่เกินตัว เกินกำลังตนเอง เพราะอาจทำให้เกิดโทษได้ เช่นเดียวกับแม่อึ่งอ่างตัวนี้ที่ไม่รู้จักประมาณตัวเอง พยายามทำในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำได้ โดยไม่ฟังคำเตือนของใคร จนสุดท้ายก็ทำให้ตัวเองเดือดร้อนในที่สุด ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยค่ะ หากเด็ก ๆ กำลังป่วย แต่ก็ฝืนตัวเองออกไปวิ่งเล่นข้างนอกทั้งที่ร่างกายไม่แข็งแรง ก็อาจทำให้เด็ก ๆ เป็นลมหมดสติได้ ดังนั้นหากพวกหนูคิดจะทำสิ่งใดแล้ว ก็ควรประมาณตนให้เหมาะสม ว่าเรามีศักยภาพพอที่จะทำสิ่งนั้นได้โดยไม่ลำบากตัวเองและคนอื่น ๆ หรือไม่

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

นิทานอีสป หนูน้อยหมวกแดง

วันนี้กระปุกดอทคอมมี  นิทานอีสป เรื่อง  หนูน้อยหมวกแดง มาฝากคุณหนู ๆ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอนได้ เพราะนอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานแล้วนั้น ยังแฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ อีกด้วย ^^

          กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านที่แสนอบอุ่น มีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักนั่งเล่นดูคุณแม่ทำอาหารอยู่ในครัว เพื่อนบ้านทุกคนต่างพากันเรียกเธอว่า "หนูน้อยหมวกแดง" ตามสีของหมวกที่เธอใส่เป็นประจำ และวันนี้เธอก็ได้รับคำสั่งจากคุณแม่ ให้นำอาหารและขนมไปเยี่ยมคุณยาย ผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านข้าง ๆ

นิทานอีสป
          "เอาตะกร้านี้ไปส่งให้ถึงมือคุณยายนะจ๊ะ แล้วก็รีบไปรีบกลับ อย่าไปเที่ยวเล่น เถลไถลที่ไหนไกล อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าด้วยล่ะ เข้าใจไหม ?" คุณแม่คนสวยกำชับด้วยความเป็นห่วง ลูกสาวตัวน้อยเองก็ตอบรับสัญญา แล้วออกจากบ้านไปอย่างร่าเริง

          ระหว่างทางไปบ้านคุณยาย บังเอิญมีหมาป่าเจ้าเล่ห์เดินมาพบกับหนูน้อยหมวกแดง จึงเข้าไปทักทายหวังจับเด็กหญิงทำเป็นอาหารมื้อเย็น "สวัสดีจ้ะสาวน้อย มาทำอะไรในป่าตรงนี้คนเดียวเหรอจ๊ะ ?"
นิทานอีสป
          "หนูกำลังไปเยี่ยมคุณยายที่หมู่บ้านใกล้ ๆ นี้เองค่ะ" หนูน้อยหมวกแดงตอบอย่างเป็นมิตร แต่กลับทำให้เจ้าหมาป่าคิดอุบายหลอกล่อ หวังจับคุณยายของเธอมาเป็นเหยื่อด้วยอีกคน

          "แต่ว่าสาวน้อย.. เอาตะกร้าเล็ก ๆ ไปแค่นี้ คุณยายเสียใจแย่เลย ฉันว่าเราไปเก็บดอกไม้สวย ๆ มาเป็นของขวัญเพิ่มกันเถอะ" หมาป่าชักชวนให้หนูน้อยหมวกแดงออกนอกเส้นทาง มันจะได้รีบตรงไปจับคุณยายกินก่อน แล้วดักรอหนูน้อยหมวกแดงที่บ้านนั้นเลย

นิทานอีสป
          โชคไม่ดีที่หนูน้อยหมวกแดงหลงเชื่อคำชวน แล้วหันไปเก็บดอกไม้ และเดินเล่นอย่างเพลิดเพลินจนลืมทั้งเวลา ทั้งคำตักเตือนของคุณแม่ไปหมดสิ้น กระทั่งเจ้าหมาป่าเดินทางไปถึงหมู่บ้านข้าง ๆ แล้วจับตัวคุณยายซ่อนเอาไว้ในตู้ ก่อนนำเสื้อผ้ามาใส่ เพื่อปลอมตัวเป็นคุณยายนอนป่วยอยู่บนเตียง รอให้หนูน้อยหมวกแดงมาถึงแล้วจับกินทั้งยายทั้งหลานพร้อมกันทีเดียว

นิทานอีสป
          เมื่อหนูน้อยหมวกแดงรู้ตัวว่าทำผิดคำสั่งคุณแม่ ก็รีบวิ่งไปหาคุณยายที่บ้านทันที แต่กลับพบเข้าว่าคุณยายของเธอนั้น มีท่าทางและหน้าตาแปลกประหลาดไปจากเดิม

นิทานอีสป

"คุณยายคะ ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ ?" หนูน้อยถามด้วยความสงสัย

"ยายเป็นไข้ไม่สบาย ยายเลยหนาวจ้ะหลาน" หมาป่าดัดเสียงตอบ

"คุณยายคะ ทำไมเสียงของคุณยายแปลกจังเลยคะ ?" หนูน้อยถามอีกครั้ง

          "ยายเจ็บคอ ไอหนักมาก เสียงเลยเพี้ยนไปหน่อยจ้ะหลาน" หมาป่าตอบพร้อมแกล้งทำเป็นไอค่อกแค่ก ทำให้หนูน้อยหมวกแดงสังเกตเห็นเขี้ยวแหลมในปาก

          "คุณยายคะ ทำไมคุณยายถึงมีเขี้ยวยาวขนาดนั้นล่ะคะ ?" หนูน้อยหมวกแดงถาม แล้วค่อย ๆ เดินถอยออกมา เพราะเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย

นิทานอีสป
       
          "ก็เพราะยายมีเขี้ยวไว้จับหลานกินไงล่ะ เจ้าหนูน้อย !!" คราวนี้หมาป่าไม่แสร้งทำตัวใจดีอีกต่อไป พร้อมกระโจนมาตะครุบตัวหนูน้อยหมวกแดงอย่างเกรี้ยวกราด แต่โชคดีที่เสียงกรี๊ดของหนูน้อย ดังไปถึงนายพรานหนุ่มสองคนที่ผ่านมาพอดี

          ปัง ปัง ปัง !!! เสียงปืนดังขึ้นสามนัด พร้อมกับร่างของหมาป่าดิ้นรนอย่างเจ็บปวด นายพรานหนุ่ม บุกเข้ามาช่วยชีวิตหนูน้อยหมวกแดง และพาคุณยายออกจากตู้เสื้อผ้าได้อย่างปลอดภัย หนูน้อยหมวกแดงสารภาพความผิด และขอโทษคุณยายที่ตัวเองเถลไถลจนได้รับอันตรายกันทั้งคู่

นิทานอีสป
          "ยายไม่โกรธอะไรหรอกจ้ะ แค่หนูไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว แต่ต้องสัญญากับยายก่อนนะว่า จะไม่เชื่อฟังคนแปลกหน้า ไม่เล่นซนจนลืมเวลาแบบคราวนี้อีก" หนูน้อยหมวกแดงพยักหน้ารับคำ พอคุณยายเห็นดังนั้นก็ยิ้มรับ แล้วเลี้ยงอาหารมื้ออร่อยให้นายพรานแทนคำขอบคุณ ก่อนทั้งสองจะพาหนูน้อยหมวกแดง กลับสู่อ้อมกอดของคุณแม่ที่บ้านโดยสวัสดิภาพ..

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :


          เด็ก ๆ ควรมีวินัยในตนเอง และเชื่อฟังคำสั่งสอน รวมถึงคำแนะนำของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกแล้ว ก็ไม่ควรเถลไถลไปไหนไกลจนมืดค่ำ และควรกลับบ้านให้ตรงเวลาที่กำหนด ที่สำคัญต้องพยายามหลีกเลี่ยง ไม่พูดคุย หรือรับของจากคนแปลกหน้าโดยเด็ดขาด เพราะพวกเขาอาจเป็นคนไม่ดีที่หวังขโมยทรัพย์สินเงินทอง หรือทำร้ายร่างกายแล้วเป็นอันตรายต่อชีวิต เหมือนกับหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ผู้คิดวางแผนกินหนูน้อยหมวกแดงเป็นอาหาร แต่ถ้าเผลอทำตัวผิดไป ก็ต้องรู้จักขอโทษขอโพย เอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน แล้วอย่ากลับไปทำผิดซ้ำสองอีกนะคะ